7 ปลั๊กอิน WordPress มีฟังก์ชัน eCommerce ขายของในเว็บ

คุณกำลังเริ่มขายของบนเว็บไซต์หรือเปล่า? และกำลังเริ่มใช้ WordPress ใช่ไหม? กำลังมองหน้าปลั๊กอิน WordPress ที่เหมาะจะติดตั้งไว้ขายของใช่ไหม?

การเพิ่มฟังก์ชัน eCommerce เข้าไปในเว็บไซต์ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแต่ต้องมีตัวช่วยดีๆ อย่างปลั๊กอินใน WordPress ที่จะมาช่วยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย แต่ปลั๊กอินสำหรับขายของบนเว็บ WordPress ในท้องตลอดก็มีเยอะซะด้วยสิ และแน่นอนว่าไม่ได้ให้ใช้กันฟรีๆ ยิ่งฟีเจอร์เยอะยิ่งต้องเลือกแพลนที่ต้องจ่ายเงิน แล้วจะต้องเลือกปลั๊กอินไหนดีล่ะ

บทความนี้จะพาทุกคนไปดูกันว่ามีปลั๊กอินอะไรที่น่าสนใจบ้างในปี 2020 นี้ ซึ่งเราได้รวบรวมมาถึง 7 ปลั๊กอิน และได้คัดสรรปลั๊กอินที่มีจุดเด่นแตกต่างกันเพื่อเปรียบเทียบให้ทุกคนเห็นภาพอีกด้วย ลองมาดูกันค่ะ

1. ปลั๊กอิน WordPress WooCommerce

WooCommerce เป็นปลั๊กอินบน WordPress และเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งมานาน (สถิติจาก Builtwith) บริษัท WooCommerce ถูกซื้อโดยบริษัทที่บริหารและเป็นเจ้าของ WordPress ทำให้การพัฒนาปลั๊กอินเป็นไปในทิศทางที่เข้ากันกับ WordPress ค่อนข้างสูง

จุดเด่นที่ทำให้ WooCommerce น่าสนใจ

  • มีส่วนเสริมและธีม (Extensions and Themes) ให้เลือกเยอะเป็นร้อยๆ แบบ ทำให้ง่ายต่อการใส่ฟีเจอร์ใหม่เข้าไป
  • เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้ากับการขายของที่เป็นดิจิทัลไฟล์ (พวกไฟล์เสียง หรือ ebook) หรือของที่เป็นสินค้าจริงๆ (ที่ต้องส่งให้ลูกค้าผ่านบริการขนส่ง) ก็ได้
  • มีความปลอดภัยสูง มีการตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยอยู่เป็นประจำจาก Sucuri ผู้นำด้านการรักษาความปลอดภัย
  • สามารถใช้กับ Affiliate marketing ได้ สำหรับใครที่ไม่ได้ขายสินค้าที่ตัวเองมี แต่ทำตัวเป็นคนกลาง WooCommerce ก็จะมีฟังก์ชันรองรับการทำ Affiliate marketing อยู่
  • ระบบจ่ายเงินที่เข้มแข็ง เพราะสามารถเลือกใส่ส่วนเสริมได้เยอะ ทำให้สามารถสร้าง Payment Gateway ได้หลากหลายรูปแบบ

2. ปลั๊กอิน WordPress Cart66 Cloud 

Cart66 เหมาะกับผู้ใช้งานทุกประเภทตั้งแต่ผู้เริ่มต้นไปจนถึงผู้ใช้งานระดับกลาง ตัวปลั๊กอินได้ถูกพัฒนามาให้ใช้ง่าย และใช้ส่วนเสริมให้น้อยที่สุด เพื่อให้การทำงานลื่นไหลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้เป็นปลั๊กอินที่มีฟีเจอร์หลายอย่างที่ถูกจัดมาแบบบิวด์อินเข้าไปในตัวปลั๊กอินแล้ว เหมาะกับคนที่ไม่อยากปวดหัวกับการหาส่วนเสริมจากที่นั่นที่นี่มาปรับแต่งเองมาก

หมายเหตุ: Cart66 ได้ถูกซื้อกิจการไปโดย WP EasyCart แล้ว 

จุดเด่นที่ทำให้ Cart66 น่าสนใจ

  • อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าฟีเจอร์ทุกอย่างจะถูกบิวด์อิน (Build-in) มาในตัวปลั๊กอิน ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาโหลดส่วนเสริมต่างๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบอะไรง่ายๆ
  • เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้ากับการขายของที่เป็นดิจิทัลไฟล์ (พวกไฟล์เสียง หรือ ebook) หรือของที่เป็นสินค้าจริงๆ (ที่ต้องส่งให้ลูกค้าผ่านบริการขนส่ง) ก็ได้
  • ตัวบิวด์อินฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินสามารถรองรับการจ่ายเงินได้ถึง 100 กว่ารูปแบบ โดยที่ไม่ต้องไปหาส่วนเสริมใดๆ มาใส่เพิ่มอีก
  • ตัวบิวด์อินฟีเจอร์มีระบบ Subscription และ Content Restriction สร้างเลเวลของการเข้าถึงดิจิทัลคอนเทนต์ของ Subscriber ได้
  • เรียกได้ว่าเป็นปลั๊กอินที่ฟีเจอร์ค่อนข้างครบและจบในที่เดียวจริงๆ

3. ปลั๊กอิน WordPress WP eCommerce

WP eCommerce นั้นเรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ทุกคนจะคิดถึงมากที่สุดถัดจาก WooCommerce เพราะว่ามี setup และลักษณะการใช้งานที่คล้ายคลึงกันมาก ทั้งหน้าตาของ Dashboard และราคาของแผนแบบจ่ายเงินก็เกือบจะใกล้เคียงกัน นับว่าเป็นหนึ่งในโซลูชั่นสำหรับเว็บขายของที่น่าเชื่อถือที่สุดอีกเจ้าหนึ่งสำหรับเจ้าของธุรกิจทั่วโลก

จุดเด่นที่ทำให้ WP eCommerce น่าสนใจ

  • มี Customer Support ที่เข้มแข็ง มี Tutorial ให้อ่านเยอะ
  • เหมาะสำหรับคนที่ชอบปรับแต่งตามใจชอบ เพราะปลั๊กอินไม่ได้มีอะไรบิวด์อิน (Build-in) มาให้ ทำให้ผู้ใช้งานมีอิสระในการเลือกดาวน์โหลดหรือซื้อส่วนเสริมพอดีเท่ากับที่ต้องการใช้ เพื่อให้ Dashboard มีแต่คำสั่งฟีเจอร์ที่จำเป็นจริงๆ
  • เหมาะสำหรับคนที่ชอบระบบแบบ WooCommerce แต่เป็นผู้เริ่มต้นใช้งานที่รู้สึกว่า WooCommerce ยากเกินไป

4. ปลั๊กอิน WordPress WP EasyCart Shopping Cart and eCommerce Store

อาจจะเป็นปลั๊กอินที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมและไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่กับ WP EasyCart Shopping Cart and eCommerce Store (ชื่อยาวมาก ขอเรียกสั้นๆ ว่า WP EasyCart แทน) แต่ถึงแม้จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีข้อดี จริงๆ แล้วเป็นปลั๊กอินที่น่าสนใจมากๆ อีกตัวหนึ่ง โดยเฉพาะสำหรับเจ้าของกิจการขนาดเล็ก

จุดเด่นที่ทำให้ WP EasyCart Shopping Cart and eCommerce Store น่าสนใจ

  • WP EasyCart ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าง่าย ดังนั้นปลั๊กอินจึงนับเป็นปลั๊กอินที่เหมาะกับมือใหม่ และผู้ประกอบการรายย่อย เพราะการใช้งานเจ้าตัวนี้จะง่ายยิ่งกว่าปลั๊กอินตัวไหนๆ ที่กล่าวมา เรียกได้ว่าแทบจะไม่ต้องดู tutorial 
  • สามารถ sync การทำงานเข้ากับ Quickbooks หรือ MailChimp ได้ จะเห็นว่าเป็น SaSS สำหรับธุรกิจรายย่อยทั้งนั้น
  • เป็นปลั๊กอินที่สามารถเข้ากับการขายของที่เป็นดิจิทัลไฟล์ (พวกไฟล์เสียง หรือ ebook) หรือของที่เป็นสินค้าจริงๆ (ที่ต้องส่งให้ลูกค้าผ่านบริการขนส่ง) ก็ได้ หรือจะเป็นการขาย Gift Cards รวมทั้ง Content แบบ Subscription และการรับบริจาตก็ทำได้เช่นกัน
  • ราคาแพลนค่อนข้างย่อมเยาว์ เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กๆ มีแพลนแบบฟรีให้เลือกใช้ได้ พร้อมเครื่องมืออีกจำนวนหนึ่งให้ใช้ได้ฟรี
  • มี Customer Support ฟรี มี Video Tutorial

5. ปลั๊กอิน WordPress Ecwid Ecommerce Shopping Cart

ผลิดภัณฑ์นี้มี setup ที่คล้าย WooCommerce แต่ก็มีข้อแตกต่างตรงที่สามารถใช้กับ platform ไหนก็ได้ไม่จำกัดว่าต้องเป็นแค่ WordPress สามารถใช้บน Drupal, Squarespace หรือ CMS แพลตฟอร์มอื่นๆ ได้

จุดเด่นที่ทำให้ Ecwid น่าสนใจ

  • ใช้บน CMS ไหนก็ได้ ไม่จำกัดแค่ WordPress
  • มีระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือได้ ได้รับการรับรอง PCI-DCC Certified เป็นระบบเดียวกับที่ใช้ในธนาคาร
  • เมื่อเทียบกับ WooCommerce แล้วจะมีราคาที่ถูกกว่าเล็กน้อย เพราะมีฟีเจอร์บางอย่างที่บิวด์อินมาให้แล้ว ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
  • เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้านหลายที่ เช่น มีหน้าร้าน Facebook Shops ด้วย eBay ด้วย เว็บไซต์ด้วย แล้วต้องการเชื่อมหน้าร้านทุกร้านเข้าด้วยระบบเดียวกัน

6. ปลั๊กอิน WordPress BigCommerce

BigCommerce ไม่ได้เป็นเพียงปลั๊กอินเท่านั้น ยังให้บริการ CMS เป็นของตัวเองอีกด้วย ซึ่งหมายความว่าไม่ต้องพึ่งพา WordPress ก็ได้ แต่ BigCommerce ก็อยากที่จะเข้าไปเป็นตัวเลือกของคนที่ใช้ WordPress และพยายามจะเจาะตลอดแข่งกับเจ้าอื่นๆ อยู่

จุดเด่นที่ทำให้ BigCommerce น่าสนใจ

  • มีฟีเจอร์ทุกอย่างที่คุณต้องการ เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ระดับ Enterprise เพราะความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงมาก 
  • สามารถใช้ BigCommerce ได้ในแพลตฟอร์มอื่นๆ เหมือน Ecwid คือจะมีหน้าร้านอยู่ที่แพลตฟอร์มอื่นๆ อย่าง Amazon หรือ Facebook Shops ก็สามารถเชื่อมต่อเข้ากันได้
  • BigCommerce มีพาร์ทเนอร์เยอะมาก ทำให้มี Payment Gateway หลักๆ เลือกได้หลายสิบอย่างให้เราเลือก โดยไม่ต้องเสียเงินหรือโดนชาร์จค่าใช้จ่าย

7. ปลั๊กอิน WordPress Easy Digital Downloads (EDD)

EDD จะเน้นการขายของที่เป็นไฟล์ดิจิทัลเท่านั้น จำพวกไฟล์ที่ต้องซื้อแล้วมีการดาวน์โหลดเกิดขึ้นทั้งหลาย แน่นอนว่าปลัํกอินอื่นก็รองรับการขายดิจิทัลไฟล์ แต่ฟีเจอร์หลายอย่างของ EDD ก็มีข้อดีเฉพาะตัว เนื่องจากตัวปลั๊กอินก็โฟกัสที่การดาวน์โหลดแบบดิจิทัลเป็นหลักอยู่แล้ว ทั้งยังมี Interface ที่หน้าตาสวย ดูคลีนกว่า WooCommerce

จุดเด่นที่ทำให้ Easy Digital Downloads น่าสนใจ

  • เหมาะกับสินค้าที่เป็นดิจิทัลไฟล์ที่ต้องมีการดาวน์โหลดโดยเฉพาะ เช่น พวก eBook เพลง ไฟล์เสียง ไฟล์ดนตรี
  • ใช้งานง่ายมาก เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์
  • มีส่วนเสริมให้ดาวน์โหลดเพิ่มเติม จำพวก Payment Gateways ในแบบต่างๆ และบริการเครื่องมือด้าน Marketing อื่นๆ ด้วย
  • มีธีมที่บิวด์อินมาแล้วให้เลือกใช้
  • Customer Support ดี มีคู่มือให้ดูทั้งแบบวิดีโอ ห้องแชท และห้องตั้งกระทู้สนทนา

สรุป

จบกันไปแล้วกับปลั๊กอินที่น่าสนใจสุดเจ๋งทั้ง 7 ปลั๊กอิน สำหรับคนที่ต้องการเพิ่งฟังก์ชัน eCommerce ไว้ขายของในเว็บไซต์ออนไลนของคุณ ลองช่างน้ำหนักเปรียบเทียบดูว่าปลั๊กอินตัวไหนที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ จำไว้ว่าความต้องการในธุรกิจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งที่เหมาะกับคนอื่นหรือมีคนใช้เยอะ ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะกับตัวคุณเสมอไป ให้ดูความต้องการของตัวเองเป็นหลักจะดีที่สุดค่ะ

small_c_popup.png

บริการ Premium VPS และ Cloud Hosting เร็วกว่าด้วยเซิร์ฟเวอร์ในไทย

รับส่วนลด 50%

รับส่วนลด 50% ท้าให้ลอง VPS ที่ได้รับรีวิวบริการดีเยี่ยมสูงสุดใน Google Review