แนะนำ WordPress Hosting แบบละเอียดและเข้าใจง่าย

ทุกวันนี้เว็บไซต์ถือว่าเป็นเครื่องมือทางการตลาดสมัยใหม่ที่ขาดไปไม่ได้ เพราะช่วยเพิ่มทั้งกำไรและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ โดยแพลตฟอร์มที่นิยมใช้กันก็คือ WordPress และการที่จะมีเว็บไซต์บน WordPress ที่ดีต้องควบคู่กับการเลือกโฮสติ้งที่ดีด้วยเช่นกัน วันนี้ VPS HiSpeed เลยจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ WordPress โฮสติ้ง เพื่อให้ใช้งานกับธุรกิจของทุกท่านได้เหมาะสมมากขึ้นครับ

WordPress Hosting

เริ่มทำความรู้จักกับ WordPress โฮสติ้ง?

WordPress โฮสติ้ง คือ บริการที่นำข้อมูลบนเว็บไซต์ของเราจากแพลตฟอร์ม WordPress นำไปฝากไว้ที่ผู้ให้บริการโฮสติ้งเพื่อทำให้ข้อมูลบนเว็บไซต์ของเรา สามารถให้ผู้อื่นเข้ามาเยี่ยมชมข้อมูลต่างๆหรือดาวน์โหลดข้อมูลเหล่านั้นได้ตลอด 24ชั่วโมง และในการช่วยการจัดการ WordPress โฮสติ้ง นั้นเราอาจจำเป็นต้องพึ่ง Managed WordPress Hosting แล้ว Managed WordPress Hosting มีความสำคัญอย่างไรต่อผู้ใช้งานไปทำความเข้าใจให้มากขึ้นกันครับ

Managed WordPress Hosting คืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร?

แพคเกจส่วนใหญ่ที่เราได้รับจากบริการ WordPress Hosting จะมีเงื่อนไขหรือฟังก์ชั่นการใช้งาน ที่บางทีผู้ใช้งานทั่วไปอาจจะทำความเข้าใจเพื่อใช้งานได้ยากด้วยลักษณะเป็นข้อมูลเฉพาะทาง และหากเกิดข้อผิดพลาด เนื่องจากผู้ใช้งานที่ยังใช้งานได้ไม่ชำนาญอาจจะทำให้ธุรกิจของคุณติดขัดได้ แต่ในทางกลับกันถ้ามีบริการ Managed WordPress Hosting ชีวิตเราจะง่ายขึ้นManaged WordPress Hosting จะทำงานร่วมกับ WordPress โดยตรง และจะช่วยคุณปรับแต่งระบบปฏิบัติการต่างๆรวมถึงตกแต่งเว็บไซต์ของคุณให้ดูน่าใช้ แถมดึงประสิทธิภาพของ WordPress ออกมาให้มากที่สุด

Managed WordPress Hosting เหมาะกับใครบ้าง?

Managed WordPress Hosting ถูกปรับแต่งเซิร์ฟเวอร์ให้สามารถใช้งานได้กับ WordPress โดยเฉพาะ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ขนาดกลาง หรือเว็บไซต์ขนาดใหญ่ และด้วยจุดเด่นของ Managed WordPress Hosting อีกหนึ่งอย่างคือผู้ให้บริการจะทำการปรับแต่งทุกอย่างสำหรับ WordPress ไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องมาปรับแต่งเซิร์ฟเวอร์เอง จึงเหมาะกับมือใหม่ ที่ไม่มีความรู้อะไรเลยในการปรับแต่งเซิร์ฟเวอร์ ใครที่เป็นมือใหม่ ไม่มีความรู้ด้านนี้ แต่ต้องการงานคุณภาพดี รวดเร็วและไม่ยุ่งยาก Managed WordPress Hosting ถือว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมาก

สำหรับผู้ที่สร้างเว็บไซต์เพื่อหารายได้ สร้างเว็บสำหรับธุรกิจ หรือองค์กร มีงบประมาณในระดับสูง ต้องการโฮสติ้งที่มีความเร็ว มีประสิทธิภาพสูงสุด และไม่มีคนปรับแต่งเซิร์ฟเวอร์ แนะนำให้ใช้ Managed WordPress Hosting

ข้อดี–ข้อเสียของการเลือก Hosting สำหรับ WordPress โดยเฉพาะมีอะไรบ้าง?


ข้อดี

1. มีระบบที่พัฒนาเพื่อใช้ร่วมกับ WordPress โดยเฉพาะ

โดยมีระบบ Control Panel อย่าง DirectAdmin โดยที่ DirectAdmin นี้ถือว่าเป็นหนึ่งในระบบที่มีความปลอดภัยมาก เพราะมีการอัพเดตอยู่ตลอดเวลาและมีความเร็วสูง ทำให้ยากมากต่อการเจาะระบบจากผู้ไม่หวังดี และสามารถปรับฟังก์ชั่นได้หลากหลาย

2. สามารถจำลองตัวอย่างเว็บไซต์ด้วย Staging Server

Staging Sever เป็นระบบสำหรับให้ลูกค้าตรวจสอบงาน ฟังก์ชั่นที่กำลังทดลองหรือยังไม่สมบูรณ์ เอาไว้อัพเดตธีมหรือปลั๊กอินต่างๆ ก่อนเปิดใช้งานจริง หากเราปรับอะไรซักอย่างขึ้นเว็บไซต์จริงเลยก่อนที่จะมีการทำ Staging Sever แล้วเกิดข้อผิดพลาด ลูกค้าอาจจะไม่เข้าใจว่านี่คือสิ่งที่เรากำลังปรับปรุงหรือแก้ไขอยู่ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความเรียบร้อยก่อนเริ่มใช้งานเว็บไซต์จริงเพื่อแสดงถึงความเป็นมืออาชีพด้วยครับ

3. Backup ช่วยเพิ่มความมั่นใจ

การ Backup อธิบายง่ายๆ ก็คือ การสำรองข้อมูลนั่นเอง โดยปกติแล้วถ้าหากใช้บริการ Sharing Hosting ก็จะมีระบบการสำรองข้อมูลอัตโนมัติให้อยู่แล้ว แต่ความถี่ในการสำรองข้อมูลก็จะมีระยะเวลาที่อาจจะไม่เหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้า แต่ถ้าหากเราเลือกใช้ WordPress โฮสติ้ง เราสามารถกำหนดการสำรองข้อมูลได้เอง ถือว่าลงทุนเพื่อปลอดภัยที่มากขึ้น

4. การ Caching

การทำแคชก็คือการนำข้อมูลที่จำเป็นและถูกเรียกใช้งานบ่อย ๆ มาเก็บไว้ในหน่วยความจำความเร็วสูงที่เรียกว่า Cache ซึ่งจะทำให้ สามารถเรียกใช้ข้อมูลนั้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณ รับทราฟฟิคได้มากกว่าเดิม เร็วกว่าเดิม และส่งผลดีต่อเราและผู้ที่เข้ามาใช้บริการในเว็บไซต์ของเรา

5. มีค่า Bandwidth ที่สูง

Bandwidth ก็คือ ความเร็วในการส่งผ่านข้อมูล ถ้าจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ Bandwidth เหมือนกับถนนที่ไว้ส่งข้อมูล ถ้า Bandwidth ต่ำก็เหมือนว่ามีถนนที่ส่งข้อมูลนั้นแคบ ทำให้เมื่อมีข้อมูลในการส่งเยอะขึ้นอัตราการส่งข้อมูลต่ำลงด้วยเช่นกัน

6. โยกย้ายข้อมูลได้ง่าย

ถ้าลูกค้าใช้ WordPress แบบ Sharing Hosting อาจจะมีปลั๊กอินที่ช่วยให้เราย้ายเว็บไซต์นั้นได้เอง แต่ถ้าใช้บริการ WordPress โฮสติ้ง โดยเฉพาะจะมีบริการย้ายข้อมูลมาให้ฟรี ซึ่งเราก็ไม่ต้องเหนื่อยย้ายเอง ไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลจะสูญหายรึเปล่า จบงานแบบสบายใจ

ข้อเสีย

1. ยังมีผู้ให้บริการที่ให้เลือกใช้บริการได้ไม่มากนัก

การสร้างเว็บไซต์เพื่อการใช้ใช้งานเชิงพาณิชย์หรือบล็อกต่างๆด้วย WordPress ในประเทศไทย อาจจะแพร่หลายกันแค่เฉพาะกลุ่ม ทำให้ตลาดธุรกิจประเภทนี้ยังไม่ได้ขับเคลื่อนมากพอ ที่จะทำให้ผู้บริการโฮสติ้งทั้งหลายเปิดไลน์ธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นเพราะไม่ได้เห็นถึงความต้องการในการใช้งานของกลุ่มที่ใช้ WordPress ที่จะเป็นลูกค้ามากพอ

2. ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงกว่าโฮสปกติ

ด้วยความที่มีการดูแลกันแบบเฉพาะทางมากกว่าปกติ ทำให้ค่าใช้จ่ายที่แลกมากับความปลอดภัยและความต้องการของลูกค้าก็มากขึ้นตามไปด้วย

วิธีเลือก WordPress Hosting ต้องดูจากปัจจัยอะไรบ้าง?

มาถึงจุดนี้แล้ว บางท่านอาจมีคำถามตามมาก็คือ แล้ว WordPress โฮสติ้ง ที่ดีควรจะเลือกยังไงดีละ VPS HiSpeed ก็เลยแนะนำ Hosting สำหรับ WordPress ว่าควรคุณสมบัติที่ดีอะไรบ้าง เผื่อจะเป็นประโยชน์ในการเลือกใช้บริการให้หลายๆ ท่านไม่มากก็น้อยครับ

1. PHP เวอร์ชั่นใหม่

PHP ก็คือ ภาษาของคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่ง ยิ่งถ้ามีการอัพเดตเป็นเวอร์ชั่นใหม่มากขึ้นเท่าไรการทำงานก็จะดีขึ้น เช่นการสร้างเนื้อหา การจัดการคำสั่ง การประมวลผลข้อมูลจากผู้ใช้และยิ่งประมวลผลดีเท่าไร ก็จะยิ่งเร็ว ปลอดภัย แถมยังมีฟังก์ชั่นให้เลือกใช้งานมากขึ้นด้วยครับ

2. เก็บข้อมูลด้วย SSD

SSD หรือในชื่อเต็มว่า Solid state drive ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการโฮสติ้งควรจะมี เพราะมีการเก็บและเรียกใช้ข้อมูลที่ทำงานได้รวดเร็วกว่าฮาร์ดดิสก์ทั่วไปๆ ปัญหาเรื่องการกระจายของไฟล์ที่เจอในฮาร์ดดิสก์และข้อมูลเสียหายก็แทบจะไม่พบใน SSD เลย

3. ติดตั้งสะดวกและใช้งานง่าย

ความยากง่ายในการติดตั้ง WordPress เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงถึง เพราะถ้าหากเป็นมือใหม่แล้วเลือก WordPress Hosting ที่ติดตั้งยาก มีความซับซ้อน อาจเกิดปัญหาตามมาได้ จึงควรหาผู้ให้บริการที่มีจุดเด่นด้านการติดตั้งที่ง่าย ทำให้คุณสะดวกและบางที่ผู้ให้บริการก็พร้อมให้คำให้ปรึกษาทางเทคนิคโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วยครับ

4. ระบบรักษาความปลอดภัย

ในการเลือก Hosting ที่ดีควรคำนึงถึง การักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น การอัพเดต Firewall อย่างสม่ำเสมอ เพื่อลัดอัตราความเสี่ยงจากการโดนแฮกให้ได้มากที่สุดนั่นเอง

5. การให้บริการหลังการขาย

ควรหาผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้โดยเฉพาะ และต้องพร้อมดูแลแก้ไขปัญหาของผู้ใช้งานให้รวดเร็วตลอด 365 วัน ไม่ปล่อยให้เป็นปัญหาค้างคาจนเกิดความเสียหายต่อธุรกิจของลูกค้าได้ ถ้าจะให้ดีก็ควรหาผู้บริการที่มาจากประเทศไทยเพื่อการติดต่อที่สะดวกและลดข้อผิดพลาดจากการสื่อสาร

6. ตำแหน่งพื้นที่ตั้งของ Data Center

ควรตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง เช่น ตึก CAT Telecom พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในด้านต่างๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ระบบไฟฟ้าสำรองและระบบปรับอากาศเพื่อลดอุปสรรคและข้อผิดพลาดของเครื่องเซิฟเวอร์

7. ราคาที่สมเหตุสมผล

เรื่องราคาก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญมากๆ เพราะผู้ให้บริการแต่ละบริษัท ก็จะมีแพ็กเกจที่ต่างกัน การเลือก Sharing Hosting ที่มีค่าใช้จ่ายต่ำก็อาจจะต้องกังวลเรื่องความเสี่ยงของไวรัสที่ติดมาจากเว็บไซต์อื่นที่คุณร่วมแชร์เซิฟเวอร์ด้วย  หรือการย้ายเว็บไซต์ไปยัง Host ที่มีแต่เว็บไซต์ของคุณคนเดียวแต่ก็ต้องพบกับค่าใช้จ่ายที่สูงและพื้นที่มากเกินความจำเป็น 

8. พื้นที่ข้อมูลที่ต้องการใช้งาน

โดยทั่วไปผู้ให้บริการ Hosting จะตั้งราคาแบ่งตามขนาดของพื้นที่ข้อมูลที่ต้องการใช้ เช่น พื้นที่ข้อมูล 10 Gb, 20 Gb หรือ 30 Gb ซึ่งก่อนจะเลือก WordPress Hosting ต้องดูก่อนว่าต้องการพื้นที่สำหรับข้อมูลประมาณเท่าไหร่ เพื่อจะได้เลือกแพคเกจที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ที่ต้องการ อย่าลืมว่ายิ่งพื้นที่ข้อมูลเยอะค่าใช้จ่ายยิ่งสูง ดังนั้นหากเลือกพื้นที่ข้อมูลมากเกินความจำเป็น ก็จะทำให้เสียค่าใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์เช่นเดียวกัน

9. จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง โดยจำนวนผู้เข้าเว็บต่อเดือนจะขึ้นอยู่กับ Bandwidth ซึ่งผู้ให้บริการ Hosting จะแบ่งจำนวนออกตามแพคเกจเช่นเดียวกัน วิธีการคำนวณให้นำ Bandwidth มาหารกับขนาดของหน้าเว็บไซต์ 

ตัวอย่าง 

เลือก Bandwidth 1Tb ขนาดหน้าเว็บไซต์ 1.5 MB 

วิธีคำนวณ ให้แปลง 1Tb เป็น Mb ก่อน จะได้เท่ากับ 1,000,000 Mb แล้วนำไปหารกับขนาดของหน้าเว็บไซต์ 

จะได้ 1,000,000 ÷ 1.5 = 666,667 นั่นหมายถึงเว็บไซต์จะสามารถรองรับจำนวนผู้เข้าชมสูงสุดประมาณ 666,667 ครั้งต่อเดือน

10. ประสิทธิภาพและความเร็ว

การเลือก WordPress Hosting อย่าลืมด้วยเรื่องประสิทธิภาพและความเร็วด้วย เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ ถ้าหากเลือก WordPress ที่ความเร็วต่ำ ประสิทธิภาพต่ำ จะพบเจอปัญหากันเว็บไซต์ที่จะสร้างอย่างแน่นอน 

สรุป

จะดีกว่าไหมถ้าคุณมีพื้นที่เก็บเว็บไซต์ที่ราคาไม่แพงเกินไป มีพื้นที่เก็บข้อมูลที่ตรงกับการใช้งาน ปลอดภัยและเหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณโดยผู้บริการ Hosting สำหรับ WordPress ที่แนะนำคือ VPS Hispeed ผู้บริการ Hosting อันดับหนึ่งในประเทศไทย ด้วยระบบ VPS การันตีด้วยค่า Uptime 99.9% มีความปลอดภัยสูงเพราะไม่ต้องแชร์เซิฟเวอร์ร่วมกับเว็บไซต์อื่นๆ ติดตั้งระบบได้ง่าย พร้อมให้คำแนะนำและช่วยเหลือกรณีที่เกิดปัญหาโดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มโดยทีมงานในประเทศตลอด 24 ชั่วโมง

VPS HiSpeed สามารถปรับแต่ง VPS ได้ตามความต้องการของลูกค้า หรือเมื่อต้องการอยากย้ายมาใช้บริการของเราก็สามารย้ายโฮสได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ไร้สัญญาผูกมัด สามารถใช้ร่วมได้กับทุกรูปแบบธุรกิจ รู้แบบนี้ ก็อย่าปล่อยให้โอกาสทางธุรกิจของคุณต้องเสี่ยงกับปัญหาและเปลี่ยนมาเพิ่มทั้งโอกาสและความมั่นใจโดยให้ VPS HiSpeed ของเราช่วยดูแลเว็บไซต์ของคุณดีกว่าครับ สนใจติดต่อที่อีเมล [email protected] หรือทางเบอร์โทรศัพท์ 093 173 0181 , 096 238 7242 , 082 018 9138

small_c_popup.png

บริการ Premium VPS และ Cloud Hosting เร็วกว่าด้วยเซิร์ฟเวอร์ในไทย

รับส่วนลด 50%

รับส่วนลด 50% ท้าให้ลอง VPS ที่ได้รับรีวิวบริการดีเยี่ยมสูงสุดใน Google Review