แนะนำการเลือก Hosting สำหรับ WordPress เลือกยังไงไม่ให้มีปัญหาทีหลัง

มั่นใจว่ามีเพื่อนๆ หลายคนที่เริ่มทำธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างนี้แล้วอยากจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ซึ่งการจะเปิดเว็บไซต์ที่ดีก็ต้องใช้บริการ WordPress Hosting ที่คนแนะนำกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้งานอย่างเสถียร และไม่มีปัญหาตามมานั่นเอง ซึ่งเพื่อนๆ ก็คงอยากจะรู้แล้วใช่มั้ยล่ะว่า Web Hosting WordPress ที่ไหนดีกว่ากัน หรือ Hosting สำหรับ WordPress ตัวไหนดีที่สุด เอาเป็นว่าก่อนที่เราจะไปหาคำตอบเรื่องนี้ เราไปทำความรู้จักกับ Hosting ให้มากยิ่งขึ้นกันดีกว่า 

Hosting สำหรับ WordPress คืออะไร

Hosting ก็คือ พื้นที่ฝากไฟล์เว็บไซต์เราเนี่ยแหละ ซึ่งเราเองต้องเอาเว็บไซต์ของตัวเองไปฝากไว้ที่ผู้บริการ Hosting เพื่อให้เว็บไซต์นั้นออนไลน์อยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีหยุด และผู้ให้บริการก็จะจัดเก็บข้อมูลทุกอย่างของเว็บเราไว้บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ให้คนเข้าชมเว็บเราได้ตลอดเวลา 

แต่ใช่ว่า Hosting ทุกที่บนโลกใบนี้จะเหมือนกัน เพราะแต่ละเจ้าที่ให้บริการ Hosting WordPress ก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป แถมมีประเภทให้เลือกมากถึง 3 ประเภทเลยด้วย เพราะฉะนั้นก่อนจะเปิดเว็บไซต์ของตัวเอง เราต้องผ่านการเลือก Hosting อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ข้อมูลเหล่านี้ประกอบการตัดสินใจกันก่อน 

แนะนำประเภทของ WordPress Hosting แต่ละตัว พร้อมข้อดี ข้อเสีย

อย่างที่บอกไปว่าการเลือก Hosting นั้นต้องเลือกให้ดี ถ้าเลือก Hosting ผิดประเภทก็อาจทำให้เว็บไซต์ของเราแสดงผลได้ไม่ดีเท่าที่ควร และเสียโอกาสในการทำธุรกิจไป โดย Hosting สำหรับ WordPress ที่คนส่วนใหญ่เค้านิยมใช้งานกันก็คือ 3 ตัวนี้

1. Shared Hosting

เป็นที่นิยมมากที่สุดแล้วตัวนี้ เนื่องจากราคาไม่แพง แถมแรงมาก ทำให้ใครๆ ก็แนะนำ WordPress Hosting ตัวนี้กันทั้งนั้น แต่ข้อเสียของมัน เป็นการแชร์ทรัพยากรหลายเว็บบนเซิร์ฟเวอร์เดียว ทำให้บางทีเว็บอาจเกิดการหน่วง เพราะต้องแย่งกันใช้งาน 

หนักหน่อยก็อาจทำให้เว็บไซต์ล่มได้เลย และถ้าทรัพยากรบนเว็บเราเยอะมากกว่าชาวบ้าน เค้ามองเห็นว่าเราใช้งานหนักเกินไป ก็อาจจะปิดให้บริการเว็บไซต์เรา และเสนอตัวเลือกให้ไปใช้แพ็กเกจที่แพงกว่าได้ 

2. VPS Hosting

มาจากคำว่า Virtual Private Server เป็น WordPress Hosting แนะนำอีกหนึ่งตัวเหมือนกัน ซึ่งจะจำลองเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวให้เราใช้งานแบบคนเดียวเต็มๆ โดยเค้าจะเอาเซิร์ฟเวอร์หลายๆ ลูกมาเชื่อมต่อกันแล้วจัดสรรทรัพยากรในเซิร์ฟเวอร์แต่ละลูกให้หลายๆ คนเช่าพื้นที่ย่อยลงไปอีก

VPS Hosting มีข้อดีหลายอย่าง แต่ข้อดีที่เด่นชัดก็คือ ต่อให้เซิร์ฟเวอร์หนึ่งเสียหาย ระบบก็ยังใช้งานได้ปกติไม่มีปัญหา ราคาก็ไม่แพงมากด้วย แต่ข้อเสียคือยังไม่ค่อยมี Cloud WordPress Hosting ไทย เปิดให้บริการสักเท่าไหร่

3. WordPress Hosting

มาถึง WordPress Hosting แนะนำตัวสุดท้าย เป็น Host ที่เหมาะสำหรับใช้งานกับ WordPress ที่สุด ทำให้แสดงศักยภาพของ WordPress ออกมาได้สูงมากที่สุด ทำให้เว็บเร็วขึ้น โหลดไว ใช้งานได้ง่าย มีฟังก์ชั่นเสริมต่างๆ เพียบ

แต่ข้อเสียสำหรับเจ้าตัวนี้คือ ราคาจะแพงกว่า Cloud WordPress Hosting ไทย หรือ Sharing Hosting ทั่วไปมาก และยังมีให้บริการน้อย

เลือกใช้ Web Hosting WordPress ที่ไหนดี นี่คือสิ่งที่ใช้ประกอบการตัดสินใจ

การเลือกใช้ Web Hosting WordPress ที่ไหนดี ต้องอาศัยตัวช่วยนี้ในการตัดสินใจครับ ยิ่ง Web Hosting WordPress มีคุณสมบัติเสริมเหล่านี้เยอะเท่าไหร่ ยิ่งน่าใช้งานมากขึ้นเท่านั้น

PHP เวอร์ชั่นใหม่

ยิ่งใช้งาน PHP เวอร์ชั่นใหม่ ยิ่งทำให้ปลอดภัย รวดเร็ว และมีฟังก์ชั่นอีกมากมายให้ได้ใช้งาน ซึ่งปลั๊กอินต่างๆ ก็เริ่มพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น อัปเดตให้ใช้งานกับ PHP เวอร์ชั่นใหม่ได้แค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น การเลือก Hosting ก็ต้องดูที่สิ่งนี้ด้วย

ใช้งาน Nginx Server

เซิร์ฟเวอร์ที่เป็น Nginx จะรองรับข้อมูลได้ไวและได้มากกว่าเซิร์ฟเวอร์ทั่วไป 

ใช้งาน SSL ได้

SSL นี่เป็นการเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งผ่านเว็บไซต์ เช่นพวกการใส่รหัสผ่าน รหัสบัตรเครดิต อะไรพวกนี้ ซึ่งพวกมิจฉาชีพสามารถดักจับพาสเวิร์ดเหล่านั้นได้ ถ้าไม่ได้ใช้การเข้ารหัสแบบ SSL ดังนั้น Google Chrome จึงมองว่าเว็บเราไม่ปลอดภัยถ้าไม่เปิดใช้งาน SSL และทำให้เว็บไซต์กลายเป็น https:// ซึ่ง WordPress Hosting ที่แนะนำ ต้องให้บริการส่วนนี้ด้วย

Auto Install ไม่ต้องลำบากผู้ใช้งาน

ตัวนี้เป็นระบบติดตั้ง WordPress อัตโนมัติใน Sharing Hosting ต่างๆ ทำให้ไม่ต้องยุ่งยากสร้าง Data Base ใดๆ ทั้งสิ้นเลย

Backup อัตโนมัติช่วยสร้างความมั่นใจ

ถ้าใช้บริการ Share Hosting ก็จะมีแบ็คอัพอัตโนมัติให้เรา แต่จะแบ็คอัพบ่อยแค่ไหนอันนี้ก็จะแตกต่างกันออกไป ซึ่งเราสามารถแบ็คอัพเองด้วยปลั๊กอินของ WordPress เช่นกัน

รักษาความปลอดภัย 

การเลือก Hosting ควรจะต้องมีพวกระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ ที่เข้มงวด เช่น อัปเดต Firewall สม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการแฮ็ค เพราะ WordPress มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก จึงตกเป็นเป้าหมายของเหล่าแฮกเกอร์ได้ง่ายที่สุดนั่นเอง

Caching ระดับเซิร์ฟเวอร์

การแคชชิ่งแบบนี้จะช่วยให้เว็บไซต์รับการเข้าชมได้มากกว่าเดิม เร็วกว่าเดิม และส่งผลดีต่อลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในเว็บไซต์เรา

โคลนนิ่งเว็บไซต์ด้วย Staging Site

Hosting สำหรับ WordPress ส่วนใหญ่ถึงแม้จะไม่ค่อยมีเจ้าตัวนี้สักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าหายากเลยล่ะ แต่ถ้ามีระบบนี้จะช่วยให้เราสามารถทดลองอัปเดตธีมและปลั๊กอินต่างๆ ก่อนการใช้งานจริงได้ หรือใช้ในการพัฒนาเว็บไซต์ก่อนการเผยแพร่อย่างเป็นทางการได้ ช่วยให้การทำงานดูเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น

เลือกจากพื้นที่เก็บไฟล์

การเลือก Hosting สำหรับ WordPress ที่ดี ต้องมีพื้นที่จัดเก็บที่ใหญ่ หรืออย่างน้อยๆ คือ เหมาะสมกับการใช้งานของเรา ซึ่งเราอาจจะเลือกก่อนว่า Hosting ไหนตอบโจทย์เราได้บ้าง เพราะถึงแม้ตัว WordPress จะไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไรมากมาย แต่ไฟล์รวมถึงข้อมูลในเว็บไซต์ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน จึงควรเลือกให้เหมาะสมตั้งแต่แรก 

การให้บริการหลังการขาย

ทีมซัพพอร์ตของแต่ละ Hosting เองก็จำเป็น เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มีปัญหาเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์แล้ว เราจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย นอกจากติดต่อทาง Team Support ให้เค้าจัดการให้ ซึ่ง Hosting สำหรับ WrodPress ที่ดี จะมีช่องทางติดต่อให้หลากหลาย ทั้งบริการ Live Chat ทั้งติดต่อ Line และช่องทางอื่นๆ ตามที่เราสะดวก แนะนำให้ดูรีวิวดีๆ เพราะจุดนี้สำคัญมาก Hosting ที่ใส่ใจลูกค้า ให้บริการเร็ว ช่วยเหลือไว ตอบตลอด จะสร้างความไว้ใจให้เราได้มากกว่า 

ปริมาณการรับส่งข้อมูล

บางคนก็เรียกสิ่งนี้ว่า Bandwidth หรือ Site Traffic ซึ่งก็คือการรับส่งข้อมูลในเว็บไซต์เรานั่นเอง แต่ละเว็บก็จะใช้พื้นที่ต่างกัน จะกิน CPU หรือ Memory มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับเว็บไซต์เราเนี่ยแหละ ถ้าใช้งาน Hosting แบบ Share Hosting อยู่แล้วใช้พื้นที่เยอะเกินไป เค้าอาจจะหยุดการทำงานเว็บเราชั่วคราว แล้วให้จ่ายค่าบริการที่มากขึ้นได้ เพราะถือว่าไปเบียดเบียนผู้ใช้บริการรายอื่นนั่นเอง 

ย้ายเว็บไซต์ง่ายดาย

Migration หรือการย้ายเว็บไซต์นั้น จริงๆ เราสามารถย้ายได้เองนะ เพราะถ้าใช้ WordPress ก็จะมีปลั๊กอินที่ช่วยได้อยู่ แต่ถ้าใช้บริการ WordPress Hosting ที่แนะนำกัน ก็จะมีบริการย้ายข้อมูลฟรีมาให้ ซึ่งเราก็ไม่ต้องเหนื่อยย้ายเอง ทุกอย่างจบแบบสบายใจ ไม่ต้องลุ้นว่าข้อมูลจะสูญหายรึเปล่า

ราคาสมเหตุสมผล

สุดท้ายแล้วเรื่องราคาก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เพราะผู้ให้บริการแต่ละแห่งก็จะมีแพ็กเกจที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและความสามารถของ Hosting นั้นๆ Hosting ราคาถูกก็อาจจะไม่มีการซัพพอร์ตในข้อต่างๆ ข้างต้นที่ได้กล่าวไป การลงทุนกับ Hosting ที่ดี มีคุณภาพ จะทำให้เว็บไซต์ของเรามีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างที่เราต้องการ

สรุป

สุดท้ายแล้วการเลือก Hosting ที่ดีที่สุดอาจจะไม่มีอยู่จริงก็ได้ครับ มีก็เพียงแต่ Hosting ที่เหมาะกับเราที่สุดเท่านั้นเอง อย่าง WordPress Hosting แนะนำ ที่เค้าถามๆ กันเข้ามา และที่คนส่วนใหญ่แนะนำกันไปก็อาจจะไม่เหมาะกับเราก็ได้ 

ลองเลือกดูดีกว่าว่าความต้องการของเราคืออะไร เราอยากได้ Hosting ที่ตอบสนองในด้านไหนบ้าง และที่สำคัญคือ งบของเรามีมากน้อยแค่ไหน อย่างที่ VPS Hispeed เองเรามีบริการ Premium Web Hosting สำหรับ WordPress ให้เลือกกันหลากหลายแพ็กเกจ ถ้าคุณสามารถลิสต์ความต้องการในการใช้งานออกมาเป็นข้อๆ ได้ล่ะก็ ลองมาดูแพ็กเกจ Web Hosting ของเราดูนะครับว่าจะโจทย์การใช้งานของคุณหรือไม่อย่างไร ลองศึกษาเปรียบเทียบแพ็กเกจจากทั้งทางเราและเจ้าอื่นๆ เพื่อเลือกตัวเลือกที่ตอบโจทย์การใช้ของคุณที่สุด ทีนี้การเลือก Hosting ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว 

small_c_popup.png

บริการ Premium VPS และ Cloud Hosting เร็วกว่าด้วยเซิร์ฟเวอร์ในไทย

รับส่วนลด 50%

รับส่วนลด 50% ท้าให้ลอง VPS ที่ได้รับรีวิวบริการดีเยี่ยมสูงสุดใน Google Review