การรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้เราจะพูดถึงระบบป้องกันและรักษาความปลอดภัยที่คุณควรนำมาใช้เพื่อปกป้องเว็บไซต์ WordPress ของคุณให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
1. การบังคับใช้การตรวจสอบการเข้าถึงแบบสองขั้นตอน (2FA)
การตรวจสอบการเข้าถึงแบบสองขั้นตอน (2FA) เป็นมาตรการที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีผู้ใช้ใน WordPress คุณสามารถบังคับใช้ 2FA สำหรับผู้ใช้ตำแหน่งที่หลังบ้าน (Backend) ได้ โดยใช้ฟิลเตอร์ wpcom_vip_is_two_factor_forced ซึ่งช่วยให้คุณสามารถกำหนดบทบาทที่ต้องใช้ 2FA ได้ ตัวอย่างเช่น หากต้องการบังคับให้ผู้ใช้ที่มีความสามารถในการแก้ไขโพสต์ (edit_posts) ต้องใช้ 2FA คุณสามารถใช้โค้ดต่อไปนี้:
php
add_action(‘set_current_user’, function() {
$limited = current_user_can( ‘edit_posts’ );
add_filter( ‘wpcom_vip_is_two_factor_forced’, function() use ( $limited ) {
return $limited;
}, PHP_INT_MAX );
} );
โค้ดนี้จะบังคับให้ผู้ใช้ทุกคนที่มีบทบาทที่สามารถแก้ไขโพสต์ต้องใช้ 2FA ในการเข้าสู่ระบบ
2. รหัสสำรอง (Backup Codes)
การให้ผู้ใช้มีรหัสสำรองเป็นสิ่งสำคัญในกรณีที่พวกเขาสูญเสียโทรศัพท์หรือถูกล็อกออกจากบัญชี รหัสสำรองช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าสู่ระบบได้โดยไม่ต้องใช้ปัจจัยที่สอง ผู้ดูแลระบบสามารถสร้างรหัสสำรองสำหรับผู้ใช้ที่ถูกล็อกออกได้โดย:
- ไปที่แดชบอร์ดผู้ใช้ (Users)
- แก้ไขข้อมูลผู้ใช้ที่ถูกล็อกออก
- ในส่วน “Two-Factor Options” ให้เลือก “Generate Verification Code”
- ส่งรหัสที่ใช้ครั้งเดียวให้กับผู้ใช้เพื่อเข้าสู่ระบบ
เมื่อผู้ใช้กลับเข้าสู่ระบบได้แล้ว ควรพิมพ์รหัสสำรองและปรับปรุงการตั้งค่า 2FA เพื่อป้องกันการล็อกออกในอนาคต
3. การเข้าสู่ระบบแบบไม่มีรหัสผ่าน
เป็นทางเลือกแทนการใช้ 2FA แบบดั้งเดิม บางปลั๊กอินเสนอวิธีการเข้าสู่ระบบแบบไม่มีรหัสผ่าน โดยผู้ใช้จะกรอกที่อยู่อีเมลในหน้าเข้าสู่ระบบและได้รับลิงก์เข้าสู่ระบบที่ใช้ครั้งเดียว วิธีนี้ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องจำรหัสผ่านเลย
4. แอปพลิเคชันสำหรับสร้างรหัส (Authenticator Apps)
วิธีการ 2FA ที่ปลอดภัยที่สุดคือ การใช้แอปพลิเคชันสำหรับสร้างรหัส เช่น Authy หรือ Google Authenticator แอปเหล่านี้จะสร้างรหัสที่ใช้ครั้งเดียวซึ่งจะซิงค์กับเว็บไซต์ WordPress ของคุณ แม้ว่ารหัสผ่านจะถูกขโมยไป แต่ผู้โจมตีก็ยังต้องรหัสจากโทรศัพท์ของผู้ใช้เพื่อเข้าสู่ระบบ
5. SSL/TLS Certificate
การสนับสนุน SSL/TLS Certificate เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการความปลอดภัย โดย SSL/TLS Certificate จะช่วยเข้ารหัสข้อมูลที่ถูกส่งระหว่างผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ข้อมูลไม่ถูกดักจับในระหว่างการส่ง นอกจากนี้ การมี SSL/TLS Certificate ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณ ทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกมั่นใจในการใช้งาน การติดตั้ง SSL/TLS Certificate บน WordPress สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านผู้ให้บริการโฮสติ้งหลายรายที่มักจะมีบริการติดตั้ง SSL ฟรี หรือคุณสามารถใช้บริการจาก Let’s Encrypt ซึ่งเป็นโครงการที่ให้บริการ SSL Certificate ฟรี
6. Firewall Protection
การใช้ระบบไฟวอลล์ (Firewall) เป็นอีกหนึ่งวิธีในการป้องกันการบุกรุกและการโจมตี DDoS ไฟวอลล์จะทำหน้าที่กรองและบล็อกการเข้าถึงที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งช่วยปกป้องเว็บไซต์ของคุณจากการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้ การติดตั้งไฟวอลล์บนเว็บไซต์ WordPress สามารถทำได้ผ่านปลั๊กอินความปลอดภัยที่มีอยู่มากมาย เช่น Sucuri, Wordfence หรือ All-In-One WP Security & Firewall โดยไฟวอลล์จะช่วยป้องกันการโจมตีต่างๆ เช่น SQL Injection, Cross-Site Scripting (XSS) และการโจมตี DDoS
7. Regular Security Updates
การอัปเดตระบบปฏิบัติการและโปรแกรมเซิร์ฟเวอร์อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress ของคุณ การอัปเดตนี้จะช่วยป้องกันช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ๆ ในซอฟต์แวร์ การเลือกผู้ให้บริการโฮสติ้งที่มีการอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปลอดภัยจากการโจมตี
นอกจากนี้ ควรตรวจสอบและอัปเดตปลั๊กอินและธีมที่ใช้งานอยู่ในเว็บไซต์ของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น
8. การเปลี่ยน URL สำหรับการเข้าสู่ระบบ
อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเว็บไซต์ WordPress ของคุณคือ การเปลี่ยน URL สำหรับการเข้าสู่ระบบจากค่าเริ่มต้น /wp-admin ไปยัง URL อื่น เพื่อไม่ให้ผู้ไม่หวังดีรู้ว่าคุณใช้ WordPress และไม่สามารถเข้าถึงหน้าเข้าสู่ระบบได้ วิธีนี้สามารถทำได้ง่ายๆ โดยใช้ปลั๊กอิน เช่น Lock Down Admin ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยน URL การเข้าสู่ระบบได้ตามต้องการ
สรุป
การนำการตรวจสอบการเข้าถึงแบบสองขั้นตอน (2FA) มาใช้ การใช้ SSL/TLS Certificate ระบบไฟวอลล์ การอัปเดตความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ และการเปลี่ยน URL สำหรับการเข้าสู่ระบบเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการปกป้องเว็บไซต์ WordPress ของคุณจากการโจมตีและการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต ด้วยการปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ คุณจะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณและรักษาข้อมูลสำคัญของคุณให้ปลอดภัยได้.