12 เทคนิคเพิ่มความเร็ว WordPress ให้เว็บโหลดเร็ว!

เคยมั้ย เวลากดลิงก์เข้าชมบางเว็บไซต์แล้วรู้ว่ามันนานแสนนานกว่าหน้าเว็บจะโหลดเสร็จ จนบางครั้งก็ต้องถึงกับทำหน้าฉงนว่ามันเป็นที่เว็บไซต์หรือเป็นที่อินเทอร์เน็ตบ้านเราเองกันแน่ ซึ่งจริงๆ แล้วส่วนใหญ่ การที่หน้าเว็บไซต์เกิดอาการโหลดช้าหรือค้างเติ่งนั้นนั่นก็เป็นเพราะว่า เจ้าของเว็บไซต์ขาดเทคนิคเพิ่มความเร็วให้กับเจ้าตัวเว็บไซต์นั่นเอง 

ซึ่งวันนี้ เราจะไปติดจรวดทำเว็บให้โหลดเร็วพร้อมๆ กันด้วยเทคนิค WordPress ทำยังไงให้หน้าเว็บมีความเร็วไวกว่าแสง เทคนิคง่ายๆ มีเท่านี้เอง!

1. เรื่องของ Theme ก็สำคัญ

เพราะการเลือก Theme ผิดจะส่งผลต่อความเร็วของตัวเว็บไซต์ด้วยเช่นกัน โดย Theme ที่ดีและเร็วมากๆ ตัวหนึ่งเลยก็คือ Genesis Framework ของ WPEngine และ Themeforest ที่ค่อนข้างจะเป็นที่นิยมในหมู่แวดวงการเพิ่มความเร็วของเว็บนั่นเอง 

การเลือกใช้ Page Builder ซึ่งเป็นตัวช่วยให้เราสามารถปรับแต่งหน้าเว็บให้สวยงามด้วยปลายเม้าส์คลิกก็เช่นกัน จะต้องเลือกให้ดี เลือกพลาดอาจทำให้เว็บเรากลายเป็นหนักแล้วอืดได้ 

2. ต้องบีบอัดรูปภาพ

รูปภาพถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะส่งผลให้หน้าเว็บของเรานั้นเร็วขึ้นหรือช้าลง ซึ่งเมื่อเรานำไฟล์รูปไปเข้าโปรแกรมบีบอัดรูปภาพก็จะทำให้ขนาดของไฟล์ภาพนั้นมีขนาดเล็กลงมากถึง 60% กันเลยทีเดียวล่ะ ซึ่งตัวที่เราอยากจะแนะนำก็มี ShortPixel, Imagify, Compress JPEG หรือ Smush Image ที่เป็นปลั๊กอินชื่อดังนั่นเอง 

โดยไฟล์ PNG จะเป็นไฟล์ที่เหมาะกับงานกราฟฟิค ส่วนไฟล์ JPEG จะเหมาะกับรูปถ่าย แต่ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ไหนก็สามารถบีบอัดก่อนอัพโหลดขึ้นเว็บได้ง่าย เครื่องมือออนไลน์มีให้เลือกมากมายตามที่เราสะดวกจะใช้ 

คำศัพท์เวลาเรากด compress (บีบอัด) ภาพมีอย่างสองคำด้วยกัน ที่จะทำให้ได้ผลที่แตกต่างกัน

Lossy – ใช้บีบอัดขนาดรูปที่มีขนาดใหญ่มาก และจะเสียคุณภาพและความคมชัดของรูป

Lossless – ใช้บีบอัดรูปที่ขนาดเล็กลงมาหน่อย แต่คุณภาพและความคมชัดของรูปไม่เสีย

3. ติดตั้ง Plugin เท่าที่จำเป็น

เนื่องจากการติดตั้ง Plugin น้อยเกินไป ก็ทำให้เว็บทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพมากพอตามที่เราต้องการ แต่ถ้าติดตั้งมากเกินไปก็ทำให้เว็บโหลดช้าลงอีก ซึ่งอาจจะเป็นเฉพาะบางปลั๊กอิน ไม่ใช่ว่าเป็นทุกตัว ใครที่โหลดปลั๊กอินไว้เยอะ อาจจะต้องมานั่งดูกันว่าปลั๊กอินอันไหนที่ไม่ต้องการ แล้วอันไหนที่เป็นตัวการทำให้เว็บช้า 

4. ใช้ Content Delivery Network หรือ CDN

หากเราใช้ CDN เข้ามาช่วยเพิ่มความเร็วเว็บไซต์ของเราล่ะก็ มันจะช่วยให้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของเราได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นไปอีก อย่างเช่น Cloudflare นั้นถือเป็นเจ้าดังที่ให้บริการทางด้าน CDN แบบโดยเฉพาะ แถมให้บริการ ฟรี! อีกด้วยนั่นเอง อีกทั้ง CDN ความเจ๋งของมันยังช่วยป้องกันเหล่าแฮกเกอร์ให้ไม่สามารถเข้ามาล้วงลับเอาข้อมูลของเราไปแบบง่ายๆ ได้อีกด้วยล่ะ

5. เก็บ Cache ใน Browser 

เพราะการเก็บ Cache บนบราวเซอร์นั้นจะช่วยทำให้เว็บโหลดเร็วมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งก็คือการฝังข้อมูลเล็กๆ อย่างคุ้กกี้ลงบน Browser อย่าง Chrome, IE, และ Firefox นั่นเอง เมื่อเป็นแบบนั้นถ้าเกิดว่ามีผู้เข้าชมเว็บที่ได้ฝังคุ้กกี้ลงไปในเบราเซอร์เข้ามาชมเว็บอีกครั้ง ก็โหลดเว็บครั้งใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องโหลดใหม่ตั้งแต่แรก การโหลดเว็บสำหรับผู้เข้าชมก็จำเร็วขึ้นกว่าเดิมที่ควรเป็น

6. ใช้วิธีการ Minify Code และ Concatenate Files

เนื่องจากทั้งสองตัวนี้จะช่วยทำให้ขนาดและจำนวนโค้ดของเว็บไซต์เรานั้นมีขนาดเล็กลงได้ ซึ่งการ Minify Code ก็คือนำส่วนของโค้ดหรือสิ่งที่ไม่จำเป็นต่างๆ ออก และการ Concatenate Files ก็คือ การรวมไฟล์หลายไฟล์ให้มาอยู่ในไฟล์เดียวกันนั่นเอง โดยตัวที่ทางเราอยากจะขอแนะนำก็คือ Autoptimize เพราะสามารถทำงานได้ทั้งสองอย่างเลยทีเดียวล่ะ

7. ใส่ข้อมูลจากเว็บนอกให้น้อยที่สุด

เพราะบางเว็บไซต์ชอบนำข้อมูลเว็บจาก Youtube หรือนำรูปที่มาจากเว็บด้านนอกมาแปะ ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่รู้เลยว่า ขนาดที่เรานำมาแปะในเว็บไซต์ของเรานั้นมันจะทำให้เว็บเราหน่วงลงขนาดไหน ดังนั้น ทางที่ดี ก่อนจะนำข้อมูลลงมาแปะในเว็บไซต์ของเรานั้นก็ต้องศึกษาให้ดีก่อนนั่นเอง อย่าแปะไฟล์อะไรให้ใหญ่ หรือเยอะสิ่งมากจนเกินไป

8. ทำ Lazy Load

การทำ Lazy Load จะเหมาะมากๆ กับเว็บไซต์ที่มีรูปเยอะ และมีเนื้อหาเยอะเป็นบล็อคหลายหัวข้อ ซึ่งถ้าเราทำ Lazy Load เมื่อผู้ชมยังเลื่อนลงมาไม่ถึงด้านล่าง รูปก็จะยังไม่ทำการโหลดขึ้นมาให้เห็น วิธีนี้ก็จะช่วยเพิ่มความเร็วเว็บได้มากโขเลยทีเดียวเชียวล่ะ

9. ลบ Render-blocking Javascript

ตอนที่เว็บกำลังโหลด เบราเซอร์ต้องสร้าง DOM tree เพื่อวิเคราะห์โค้ด HTML ในระหว่างที่กำลังโหลดถ้าเกิดเบราเซอร์ต้องเจอ Script ระหว่างทาง ก็จะทำให้การโหลดหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ Google ก็จะขอให้เว็บไซต์ทั้งหลายหลีกเลี่ยงการใช้ blocking JavaScript ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต้องปรึกษาคนที่เขียนเว็บให้กับเราว่าเว็บมีปัญหานี้ไหม ต้องแก้ยังไง

10. ลดการ Redirects

การ redirect จากเพจหนึ่งไปอีกเพจหนึ่ง ทำให้ผู้เข้าชมเพจต้องเจอกับการโหลดที่ยาวนานขึ้น แม้จะแค่เล็กน้อย แต่ก็ยังนับว่าเป็นการทำให้สปีดลดลงอยู่ดี แม้จะไป homepage เหมือนกันแต่แพทเทิร์นกลายเป็น www. กับ m. ที่แตกต่างกันก็ทำให้การโหลดช้าลงแล้ว ดังนั้นจะให้ดีที่สุด พยายามหลีกเลี่ยงการใช้การ redirect ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ

11. ลดขนาดของ CSS, JavaScript และ  HTML

โค้ดที่ใช้ก็ต้องการการย่อส่วนเช่นกัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้คนที่เขียนโค้ดเป็นจะเข้าใจว่าต้องทำยังไง เช่น ลบโค้ดที่ไม่ต้องการออก การลบอักขระหรือเครื่องหมายวรรคตอนอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นออกไป การจัดฟอร์แมตให้สวยงาม เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ล้วนมีส่วนสำคัญให้เว็บเพจโหลดเร็วขึ้นได้

12. เลือก Hosting ให้ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

การเลือก Hosting นั้น เปรียบเสมือนการเลือกทำเลที่ตั้งในการขายของ ถ้าเราเลือกทำเลดี เราก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าตามไปด้วยนั่นเอง ซึ่งข้อมูลทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา รูปภาพ หรือข้อมูลต่างๆ นานานั้น จะถูกรวบรวมและฝากฝังอยู่บน Hosting ที่เราเลือกขึ้นมานั่นเอง 

โดยการเลือกจะอ้างอิงจากการพิจารณาด้วยลักษณะการใช้งานของเรา ชื่อเสียงของบริษัท ตำแหน่งที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์ เทคนิคคอลซัพพอร์ต ราคาหรืออื่นๆ ตามแต่ความเหมาะสมนั่นเอง อีกทั้งโฮสติ้งที่ดีจะต้องมีเวอร์ชั่นของ PHP อยู่ที่ 7+ มี MySQL 5.6+ และหน่วยความจำต่ำสุดที่ 64 MB หรือถ้าได้ที่ 128 MB+ ก็จะได้เปรียบมากๆ โดยเวลาโหลดของเว็บไซต์ที่เหมาะสมนั้นมีควรอยู่ในประมาณไม่เกิน 200 ms.

แล้วสำหรับหลายคนที่กำลังเริ่มทำเว็บไซต์ หรือกำลังอยากย้ายโฮสติ้งพอดี อย่าลืมแวะไปดูแพ็กเกจเว็บโฮงติ้งจาก VPS Hispeed กันนะ แพ็คเกจของเรามีหลากหลาย รองรับลูกค้าหลายประเภท แม้จะเป็นมือใหม่ก็ใช้งานได้ไม่ยาก สนใจติดต่อที่อีเมล [email protected] หรือทางเบอร์โทรศัพท์ 093 173 0181, 096 238 7242, 082 018 9138

สรุป

ซึ่งทางเราก็ขอรับรองตรงนี้เลยว่า หากทุกคนลองนำทั้ง 12 ข้อนี้ไปลองปรับใช้งานกับหน้าเว็บไซต์ของตัวเองกันดูล่ะก็ จะต้องร้องทึ่งในความเร็วปานจรวดของเว็บเราในแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อนที่ไหนแน่นอน และการที่เว็บไซต์ของเรามีความเร็วไวดุจความไวแสงนี่แหละ ก็จะช่วยให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ติดใจและอยากจะกดเข้ามาใช้งานเว็บเราในทุกๆ วัน เพราะลองคิดภาพตามดูนะ เมื่อเรารู้ว่าเว็บนี้โหลดช้า เราก็คงไม่อยากจะกลับมาใช้บริการอีกแล้วในวันหน้า

อีกทั้งหากใครได้ลองนำเทคนิคนี้ไปใช้แล้วอยากรู้ว่าความเร็วเว็บเราเพิ่มขึ้นบ้างมั้ย ก็ลองไปใช้บริการเช็กความเร็วในเว็บ GTMetrix, Pingdom, และ Google PageSpeed กันได้เลย เพื่อจะได้หาต้นตอกันได้แบบถูกจุด ว่าสรุปแล้วที่เว็บเราช้านั้น มันช้าเพราะอะไร จะได้มาแก้ไขกันต่อไปให้ถูกที่และถูกทางนั่นเอง

วิธีการลง WordPress บน VPS HiSpeed
WordPress Hosting ราคาถูก จาก VPS HiSpeed
small_c_popup.png

บริการ Premium VPS และ Cloud Hosting เร็วกว่าด้วยเซิร์ฟเวอร์ในไทย

รับส่วนลด 50%

ท้าให้ลอง VPS ที่ได้รับรีวิวบริการดีเยี่ยมสูงสุดใน Google Review

Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful. You can find full details of our Privacy Policy here.